ตำนานวันฮาโลวีน trick or treat ผีวันฮาโลวีน หนังการ์ตูนผี ประวัติศุกร์ที่13 เทศกาลฮาโลวีน แนะนำหนังสยองขวัญต่างๆ

Halloween H20 ภาพยนตร์สยองขวัญชั้นดี ต้อนรับเทศกาลผีๆ

Halloween H20

สำหรับผู้ชื่นชอบภาพยนตร์สยองขวัญคงรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของฆาตกรสุดโหดขวัญใจใครหลายๆคนอย่าง Michael Myers กันเป็นอย่างดี โดยภาพยนตร์ชุดนี้ออกมาถึง 9 ภาคด้วยกันแล้ว โดยภาค 9 ออกมาในปี 2018 ความจริงมีภาค Remake อีก 2 ภาคแต่ในที่นี้เราขอไม่นับ สำหรับนักดูหนังรุ่นใหม่ที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อน เราจะมาแนะนำอย่างพอหอมปากหอมคอกัน

Halloween H20 (1998)

สำหรับชื่อภาคของ Halloween: H20 เป็นภาคที่สร้างเพื่อเฉลิมฉลองครบครอบ 20 ปีของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดย H20 มาจากประโยค 20 Years Later นั่นเอง

เรื่องราวของภาคนี้เป็นการนำเอาเรื่องราวตอนจบจากภาค 2 มาเล่า คือ หลังหลังจากที่ Laurie สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของ Michael มาได้ เธอก็ได้สร้างข่าวขึ้นว่าตนเองประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตไปแล้ว พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Keri Tate และมาทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่แคลิฟอร์เนียเหนือ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาถึง 20 ปีแล้ว จากเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนั้น แต่เธอก็ยังคงโดนฝันร้ายตามมาหลอกหลอนอยู่ทุกวี่วัน…แล้วมันก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง

จุดเด่นที่ทำให้ภาคนี้มีความเจ๋งกว่าภาคอื่นๆ คือ ตัวหนังกลับสู่ความสยองแบบต้นตำหรับอีกครั้ง คือ ไม่ได้เน้นจำนวนศพ ไม่ได้เน้นเลือดหรือฉากสยดสยอง หากแต่เน้นไปที่บรรยากาศอันมืดทึมเล่นกับความรู้สึกของคนดูเป็นหลัก สภาพโรงเรียนในเรื่องก็ดูลึกลับดี น่าติดตามลุ้นระทึก

นักแสดงก็ล้วนมีฝีมือทั้งนั้น เช่น Hartnett ซึ่งรับบทลูกชายของ Laurie แสดงสีหน้าออกมาได้เก็บกดดี ส่วน Michelle Williams ก็น่ารักอย่างสุดๆ ถึงแม้เธอจะไม่ดูโดดเด่นอะไรแต่ก็ช่วยทำให้โทนของหนังดูมีชีวิตชีวา

ส่วนความน่ากลัวก็ไม่ได้เน้นฉากแหวะ น่าอ้วก หากแต่ไปที่เน้นอารมณ์มากกว่า ถึงแม้เนื้อเรื่องจะดูไม่ค่อยมีอะไร แต่เรื่องราวในภาพยนตร์มันน่าติดตามตั้งแต่ฉากแรก แค่ฉากตอนต้นก็น่าสนใจแล้ว นอกจากนี้เมื่อเข้าสู่ฉากไตเติ้ล ก็มาพร้อมเพลงธีมของภาพยนตร์ชุดนี้ ที่นำมา Remix ใหม่ เมื่อฟังแล้วรู้สึกว่าขลังมากๆ ถ้าเป็นแฟน Halloween มาอย่างเหนียวแน่น รับรองต้องมีความสุขอย่างแน่นอน

สำหรับคอหนังสยองรุ่นใหม่อยากแนะนำให้ดูมาก เพราะตัวหนังทำออกมาได้ดีครับ สนุก มีลุ้น สำหรับแฟน Halloween ก็ห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะภาคนี้เขาทำได้ดีจริงๆ ซึ่งมาจากฝีมือของ Steve Miner ผู้กำกับแห่ง Friday The 13th Part 3, House และ Lake Placid ที่มีประสบการณ์ด้านหนังสยองขวัญมาอย่างช่ำชอง รวมทั้งงานดนตรีของ John Ottman ที่เข้ามาเสริมความน่าขนลุกได้อีกเยอะ