ในทุกๆ วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกๆ ปี หลายๆ ประเทศนั้นจะมีการจัดงาน เทศกาลวันฮาโลวีน หรือ วันปล่อยผี โดยเฉพาะ ในยุโรป และ อเมริกา จะมีการจัดกิจกรรม แต่งกายเลียนแบบผี นานา ชนิด แม้กระทั่งในแถบเอเชีย
อย่างบ้านเราก็เช่นกัน ถึงแม้บ้านเรานั้นจะไม่มีการนิยมจัดงานเทศกาลฮาโลวีนเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังได้รับอิทธิพลมา อย่างเช่น ในช่วงเทศกาลฮาโลวีนนั้น ตามร้านอาหาร คลับ บาร์ หรือตามสถานบันเทิง หรือแม้แต่ ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ จะมีการตกแต่งสถานที่ในช่วงเทศกาลฮาโลวีนด้วยเช่นกัน และในบางร้านก็จะมีการเชิญชวน ให้แขก ลูกค้า หรือนักท่องเที่ยวได้แต่งตัวเพื่อร่วมสนุกกันสำหรับเทศกาลฮาโลวีนอีกด้วย
พูดถึงเทศกาลฮาโลวีน เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมกันในเทศกาลฮาโลวีนนั้นถึงจะต้องใช้ตะเกียงฟักทองในการตกแต่งสถานที่ ทำไมตะเกียงฟักทองนั้นถึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเทศกาลวันฮาโลวีนนั้น วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าถึงความเป็นมา และประวัติของการใช้ตะเกียงฟักทองในเทศกาลฮาโลวีนให้ทราบกัน
ตำนานเล่าว่า ตะเกียงฟักทองนั้น แต่เดิมเป็นเรื่องเล่าของชาวไอร์แลนด์ ที่กล่าวถึงชายชาวนาจอมเจ้าเล่ห์ที่มีนามว่า “แจ็ก” โดยในสมัยนั้นได้มีซาตาน ออกตระเวนเพื่อที่จะทำการขอพืชผลจากชาวบ้าน โดยที่ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าที่จะปฏิเสธคำขอจากซาตาน เพราะเกรงกลัวในคำสาปของซาตาน แต่มีอยู่หนึ่งคน ที่คำขู่เข็ญของซาตานนั้นใช้ไม่ได้ผลกับเขา นั้นก็คือ “แจ็ก”
แจ็กนั้นไม่เคยที่จะเกรงกลัวและไม่เคยที่จะหยิบยื่นอะไรให้กับซาตานเลย และวันหนึ่งซาตานจึงได้มาสำแดงตนให้แจ็กนั้นเห็นเพื่อที่หวังให้แจ็กนั้นเกรงกลัวต่อซาตาน แต่มันก็ไม่ได้ผล ในทางตรงกันข้ามนั้นแจ็กได้วางแผนการ และใช้อุบายในการหลอกล่อซาตานให้ติดกับดักของเขาและหนีไปไหนไม่ได้ แจ็กไม่ยอมปล่อยซาตานจนกว่าซาตานนั้นจะทำการรับปากเขาว่าเมื่อตายไปแล้วแจ็กนั้นจะต้องไม่ลงนรกเด็ดขาด เมื่อหาทางออกไม่ได้ ซาตานจึงจำใจที่จะต้องรับปากกับเขา
เมื่อแจ็กนั้นได้เสียชีวิตลง และด้วยความที่เขานั้นได้กระทำความผิดและความชั่วไว้มากมายเขาจึงไม่ได้ไปยังสวรรค์ วิญญาณของเขานั้นได้ล่องลอยไปยังปากทางเข้าของนรก เขาได้พบกับซาตานตามที่ได้รับปากให้คำตกลงกันไว้ เขาจึงไม่ให้แจ็กนั้นตกนรก และได้ปล่อยเขาไปตามสัญญา พร้อมกับแสงส่องนำทางให้แก่วิญญาณของแจ็ก เขากลายเป็นวิญญาณที่เร่ร่อนและไม่มีที่ไปตลอดกาล ทุกคืนฮาโลวีนนั้น เป็นค่ำคืนที่ได้ขึ้นชื่อว่าวันปล่อยผีวิญญาณของเหล่าผู้ตายจะกลับมาเยี่ยมเยือนโลกมนุษย์ วิญญาณของแจกนั้นจะเร่ร่อนไปในความมืด พร้อมแสงไฟที่ครอบด้วยหัวผักกาด
ต่อมาเมื่อเรื่องเล่านี้ได้เข้ามาสู่อเมริกา ก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ฟักทองจวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งการใช้ฟักทองในวันฮาโลวีนนั้นสามารถที่จะหาได้ง่ายกว่าผักกาดในช่วง ฤดูใบไม้ร่วง และ ฟักทองที่มีผลใหญ่นั้นเหมาะที่จะนำมาแกะสลักมากกว่าผักกาด ซึ้งยังให้สีสันที่สวยงามมากกว่าหัวผักกาดอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า เมื่อแกะสลักฟักทองนั้นให้ดูมีความน่ากลัว ต้องนำไปแขวน หรือวางไว้ที่หน้าต่าง หรือทางเข้าของประตู เพราะจะสามารถที่จะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหรือสิ่งไม่ดีต่างๆ ไปได้
ส่วนในชาวไอริชนั้น นิยมที่จะแกะสลักหัวผักกาดเทอร์นิพ และทำการใส่ดวงไฟเข้าไปข้างใน ให้ส่องสว่าง เพื่อที่จะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน และ เพื่อที่จะระลึกถึง การหยุดยั้ง ความชั่วต่างๆ เพื่อที่จะส่งผลบุญเหล่านั้นให้กับดวงวิญญาณของผู้ที่ได้ล่วงลับไปแล้วนั้นเอง