คุณเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมชาวฝรั่งหลายๆคนจึงหวาดกลัว “วันศุกร์13” กันนัก อีกทั้งยังถือด้วยว่าเป็นวันอันเลวร้ายที่สุดของปีนั้นๆ อีกด้วย
เพราะวันดังกล่าวมีที่มาจากอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู หรือ The Last Supper โดยในอาหารมื้อนั้นมีสาวกมาร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์ 12 คน รวมพระองค์ด้วยก็เป็น 13 คน ก่อนพระองค์จะถูกทรยศ แล้วนำไปตรึงบนไม้กางเขนในวัน “ศุกร์ประเสริฐ” หรือ Good Friday
แต่ก็ยังมีอีกความเชื่อหนึ่งกล่าวว่า วันศุกร์ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1307 เป็นวันที่พระเจ้าPhilip ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ได้ทำการจับกุมเหล่าอัศวินTemplar จำนวนหลายร้อยคน ก่อนจะนำตัวไปทรมานและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เพื่อยึดสมบัติทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส
เรื่องราวความเป็นมาของเลข 13 ในวันศุกร์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ โดยมีตำนานอีกเรื่องหนึ่งกล่าวถึง “แขกคนที่ 13” ของ “ชาว Norse” ในดินแดน Scandinavia อันเกี่ยวกับเทพ 12 องค์ ได้มารวมตัวกันจัดงานเลี้ยง ณ ห้องโถงของ Aesir เทพแห่งมหาสมุทร แต่เทพแห่งไฟนาม “Loki” ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงโกรธมาก เขาเลยบุกเข้ามาในงาน ในฐานะแขกคนที่ 13 และให้ “เทพ Hod” เทพแห่งความมืดมิด โยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ “Baldur” เทพแห่งความสุข จน Baldur เสียชีวิตไปในทันที จนทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดและความเศร้าสลด
ส่วนความเชื่อเรื่อง “13 คนบนโต๊ะอาหาร” มีเรื่องเล่าว่า ถ้ามีคนทานข้าวร่วมกัน 13 คน จะถือเป็นลางร้าย แล้วคนใดคนหนึ่งที่ลุกออกจากโต๊ะไปคนแรกก็จะต้องตายหลังจากนั้น โดยความเชื่อนี้มีมาจากเรื่องอาหารค่ำมื้อสุดท้าย The Last Suppers ที่พระเยซูคริสต์ทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกับสาวก 12 คน รวมพระองค์เองก็มี 13 คน และพระองค์ก็สวรรคตหลังจากนั้นไม่นาน
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่อง “วันศุกร์แห่งการประหาร” เป็นอีกตำนานซึ่งมาจากความเชื่อของศาสนาคริสต์ ที่พระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์ แต่ในบางตำราก็กล่าวว่า “วันศุกร์” เป็นวันประหารนักโทษ อีกทั้งยังถือว่าเป็นวัน “Tip Tod Day” หมายความถึง “วันปีศาจ” ทำให้ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลไปจับปลากันในวันศุกร์
อันเนื่องมาจากตำนานต่างๆมากมายนี่เอง จึงทำให้ชาวคริสต์มีความเชื่อและกลัวอาถรรพ์ศุกร์ 13 เป็นอย่างมาก จึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเรียกเลข 13 ว่า “Lucky Number” แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อถึงวันศุกร์ 13 เมื่อใด ผู้คนที่ยังมีความเชื่อเรื่องโชคลาง ต่างก็ยังเกิดความรู้สึกหวั่นใจกับวันนี้ อยากให้มันผ่านพ้นไปเร็วๆ